วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

บำบัดรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยด้วย...มนต์คาถา...

ตำนานแห่งมนต์คาถา
มรดกภูมิปัญญาโลก


 
ภูมิปัญญาคนโบราณ
บำบัดรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยด้วย...มนต์คาถา...

       คำร่ำลือเกี่ยวกับการสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนั้นมีมาก  ถึงขนาดที่บอกว่าถ้าสวดถึง 7 ปี กระดูกจะลอยน้ำได้(เบามาก)    

โดย ชลี

ไม่จำกัดยุคสมัย

        เมื่อสมัยที่ผู้เขียนยังคร่ำเคร่งอยู่กับการงานในสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งนั้น  จู่ๆ เพื่อนร่วมงานผู้หญิงก็มาหาแล้วบอกว่า
        พี่ๆ  ก้างติดคอ  ทำไง
        ก็ว่าคาถาสิผู้เขียนตอบอย่างไม่แน่ใจว่าเธอจะเชื่อหรือเปล่า
        ว่าคาถายังไงล่ะ..
        ก็กลืนน้ำแรงๆ  พร้อมกับว่า  ...อะระหัง...  ในใจ
        เขาก็กลับไปนั่งโต๊ะแล้วเงียบไปพักหนึ่ง  พอหายยุ่งงานก็นึกถึงเขา  มองไปก็เห็นนั่งปกติอยู่ก็เลยร้องถามไปว่า
        เป็นไงล่ะ  ก้างติดคอน่ะ..
        หายแล้ว...
        อ้าว...  แล้วทำยังไงถึงหายล่ะ
        ก็อย่างที่พี่บอก  กลืนน้ำแรงๆ และก็ว่า  ...อะระหัง...  ในใจ
        ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกยินดีด้วย  ความจริงที่บอกไปนั้นผู้เขียนทราบดีว่าไม่ใช่มนต์คาถาที่ใช้แก้ไขในเรื่องก้างติดคอโดยเฉพาะ  แต่ผู้เขียนเคยเรียนจากผู้รู้ลึกไปกว่านั้นว่าพระพุทธคุณนั้นมีอานุภาพไม่จำกัด  คำว่า อะระหัง มีความหมายว่า ห่างไกลจากกิเลส  หากเอาความหมายความยึดมั่นทางสมมุติทางภาษา  ก็จะมีความสำคัญมั่นหมายไปในทำนองปลดเปลื้องรื้อถอนความทุกข์ออก  จึงสามารถระลึกเอาพระบารมีเป็นที่พึ่งได้  แม้ความทุกข์ในเรื่องอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน
        ดังนั้น คำว่า อะระหัง นี้จึงสำคัญนัก  ในยามเมื่อมีภัยก็สามารถระลึกเอาเป็นที่พึ่งในใจได้ตลอด  พึ่งได้ตั้งแต่เกิดจนตาย  ถ้าบริกรรมอย่างแน่วแน่ต่อเนื่องมากๆ จนเป็นกรรมฐานก็เข้าถึงความสงบได้  เมื่อสมาธิเกิดก็ระลึกใช้ได้ดังใจ

ย้อนอดีต

        ผู้เขียนย้อนรำลึกไปถึงสมัยยังเด็ก  อาศัยอยู่บ้านนอกทางภาคอีสาน  พอก้างติดคอก็บอกแม่ ๆ ก็บอกว่า
        ไปหา ลุงบับ สิ  ให้ลุงบับเสกน้ำให้กิน
        ผู้เขียนก็รีบวิ่งไปหาลุงบับที่บ้านข้างๆ ทันที  พอไปถึงบอกว่าก้างติดคอเท่านั้น  ลุงบับก็คว้ากระบวยกะลามะพร้าวตักน้ำในโอ่งขึ้นมา  หลับตาบริกรรมอยู่ครู่หนึ่งแล้วเป่าพรวดลงไปในน้ำ  จากนั้นจะเหวี่ยงก้านกระบวยสาดน้ำขึ้นไปบนหลังคา  แล้วเอากระบวยไปรอรับน้ำจากท่อสังกะสีที่ไหลมาจากรางริน  พอได้น้ำก็ส่งกระบวยให้ผู้เขียนดื่ม
        ผู้เขียนจำได้ว่าอาการก้างติดคอนั้นบางครั้งก็หายทันที  แต่บางครั้งก็ใช้เวลา  พอเล่นอะไรไปชักลืมๆ ก็หายไปแล้ว

ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก

        แม่ของผู้เขียนเป็นคนที่เชื่อเรื่องการสวดมนต์มาก  อยู่บ้านนอกคอกนาป่าเขาเจ็บไข้ได้ป่วยบางครั้งหยูกยาไม่มี  นอกจากสมุนไพรพื้นบ้านแล้วก็อาศัยมนต์คาถานี่แหละเป็นที่พึ่ง  พอท้องร่วงก็ไปถากเอาเปลือกมะม่วงมาแช่น้ำกิน  เปลือกตุมกาแก้ปวดท้องอย่างแรง  มีไข้ก็ใช้ยาเย็นคือเอาพวกเปลือกหอย ลิ่นทะเล หรือกระดูกช้าง ฯลฯ มาฝนกับน้ำกิน 
        ครั้งหนึ่งลูกมีไข้สูง  แม่ไม่มีทางบำบัดด้วยยาขนานไหนก็ได้สวด ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก อาราธนาคุณแห่งพระคาถาช่วย  ปรากฏว่าไข้ลดลงอย่างเห็นทันตา  จนกระทั่งหายในที่สุด
       คำร่ำลือเกี่ยวกับการสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนั้นมีมาก  ถึงขนาดที่บอกว่าถ้าสวดถึง 7 ปี กระดูกจะลอยน้ำได้(เบามาก)  เชื่อหรือไม่ก็ตามแต่วิจารณญาณ 
        ผู้เขียนจำได้ว่ามีอุบาสิกานุ่งขาวท่านหนึ่งอายุใกล้ร้อยปี จำศีลอยู่ที่ วัดบางเพ็งใต้ เขตมีนบุรี  ท่านบอกว่าสวด ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นประจำไม่เคยขาด  ที่น่าประหลาดคือ  แม้จะอายุมากแล้วแต่ท่านสุขภาพดีและช่างดูแจ่มใสมีสง่าราศีอย่างน่าอัศจรรย์   ท่านอาจจะจากโลกนี้ไปนานแล้ว  ผู้เขียนก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวของท่านเลยว่ากระดูกของท่านลอยน้ำได้หรือเปล่า
        อย่างไรก็ตาม  ท่านผู้ปฏิบัติธรรมนั้นคงไม่ได้หวังว่าจะให้กระดูกของท่านเป็นพระธาตุหรือลอยน้ำได้เป็นเรื่องใหญ่  เรื่องนี้เพียงแต่เป็นข้อสังเกตของอนุชนรุ่นหลังเท่านั้นเอง
        ในหลักแนวคิดบางอย่างของปุถุชนก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเหลวไหลงมงายไปเสียหมดทีเดียว  เพราะประจักษ์พยานก็บอกชัดว่า  คนเสพยาเสพติดนั้น พอตายแล้วเอาไปเผาจะเห็นว่าภายในกระดูกเปื่อยยุ่ยดำเป็นถ่าน  ส่วนผู้บรรลุธรรมก็มักจะกลายเป็นพระธาตุแบบต่างๆ  ปริศนาเรื่องไขกระดูกอันเป็นตัวสร้างเม็ดเลือดและภูมิต้านทานรวมไปถึงโครงกระดูกมนุษย์กับการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา 7 ปี อาจมีเรื่องล้ำลึกอีกไม่น้อย

###

ไม่มีความคิดเห็น: